วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ที่ดินสวนยางวิ่งกระฉูด คนใต้แห่ซื้อเหนือ-อีสาน เพชรบูรณ์ขึ้นเท่าตัว

กลุ่มทุนตีปีกรับยางราคาพุ่ง ค่ายเสี่ยเจริญ-ซีพี-ศรีตรัง-ไทยฮั้ว ได้แต้มต่อลุยบุกเบิกล่วงหน้า นักธุรกิจ-นักการเมืองแห่ถอดสูทหันลงทุนปลูกยางรับกระแส ซื้อ-ขายเปลี่ยนมือที่ดินคึกคักทั้งภาคเหนือ-อีสาน บางจุดราคาพุ่ง 4-5 เท่าตัว หลังทุนต่างถิ่นจากส่วนกลาง-ภาคใต้เข้าไปกว้านซื้อ เผยอินเทรนด์ สุด ๆ ประกาศซื้อ-ขายผ่านสื่อออนไลน์ โซเชียลมีเดีย

สถานการณ์ตลาดยางพาราที่ราคาซื้อขายยังมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากจะปลุกกระแสให้เกษตรกรทุกภูมิภาคทั่วประเทศให้หันมาปลูกพืชเกษตรชนิดนี้กันขนานใหญ่แล้ว ยังดึงดูดใจกลุ่มทุนขนาดใหญ่ กลุ่มนักธุรกิจ นักลงทุน และนัก การเมืองจำนวนมาก รูปธรรมที่เห็นชัดเจนคือความเคลื่อนไหวซื้อขายที่ดินสำหรับปลูกสร้างสวนยางกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน โดยกลุ่ม ธุรกิจ กลุ่มทุนทั้งจากส่วนกลาง นักธุรกิจ นักลงทุนในพื้นที่ และเจ้าของสวนยางรายใหญ่ในภาคใต้ที่ต้องการขยายหรือย้ายลงทุนปลูกสร้างสวนยางในภาคเหนือและอีสานแทน เพื่อแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานกรีดยาง และที่ดินในภาคใต้มีราคาแพง


ส่งผลให้การซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินในพื้นที่หลายจังหวัดทางภาคเหนือและอีสานคึกคักขึ้นอย่างมาก เช่นเดียวกับราคาซื้อขายที่พุ่งสูงขึ้นจากเดิมหลาย เท่าตัว ที่น่าสนใจคือมีการประกาศซื้อขายที่ดิน หรือที่ดินพร้อมสวนยางพาราผ่านสื่อยอดฮิตคือสื่อออนไลน์กันแพร่หลายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนกับพืชเกษตรชนิดอื่นอีกด้วย


ทุนธุรกิจ-การเมืองแห่ขุดทอง


ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ"รายงานว่า ในส่วนของกลุ่มทุนขนาดใหญ่ และนักธุรกิจ นักลงทุนนั้น กระแสความสนใจยางพาราเกิดขึ้นหลายปีมาแล้ว โดยเฉพาะ 2-3 ปีที่ผ่านมาบูมมากขึ้นตามแนวโน้มราคายางในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างบริษัท เทอราโกร จำกัด ในเครือกลุ่มบริษัทพรรณธิอร กลุ่มอุตสาหกรรมการเกษตร ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี เริ่มบุกเบิกปลูกยางพาราตั้งแต่ปี 2547 ช่วงที่รัฐบาลในยุคนั้นจัดทำโครงการส่งเสริมการปลูกยางล้านไร่ ปัจจุบันกลุ่มนี้มีพื้นที่ปลูกยางรวมแล้วไม่ต่ำกว่า 6-7หมื่นไร่ ในพื้นที่หลายจังหวัด อาทิ กาญจนบุรี,นครสวรรค์,หนองคาย,พะเยา,เชียงราย,อุดรธานี,เพชรบูรณ์,อ.ด่านซ้าย จ.เลย,อ.ปลวกแดง จ.ระยอง,ชลบุรี และปราจีนบุรี จากเป้าหมายทั้งหมดที่ตั้งไว้ 100,000 ไร่ ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกยางพร้อมรับซื้อผลผลิต ในรูปคอนแทร็กต์ฟาร์มมิ่งด้วย เนื่องจากตามแผนจะลงทุนอุตสาหกรรมยางพาราครบวงจร ทั้งผลิตน้ำยางข้น ยางแท่ง ยางแผ่น รมควัน และโรงงานแปรรูปยาง ขณะที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.)ก็เดินหน้าธุรกิจยางพาราเพื่อการส่งออกโดยร่วมทุนจีนและญี่ปุ่น นอกจากมีบริษัท ศรีตรัง แอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)บริษัท ไทยฮั้วยางพารา จำกัด (มหาชน) ฯลฯ
ส่วนนักการเมืองที่หันมาลงทุนปลูกยาง อาทิ นายพินิจ จารุสมบัติ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคเสรีธรรม นายศุภชัย โพธิ์สุ รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายอุทัย พิมพ์ใจชน อดีตประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีสวนยางพาราใน จ.สุราษฎร์ธานี เป็นธุรกิจของครอบครัว ฯลฯ


"เหนือ-อีสาน" บูมทุกจังหวัด
นายสุรพล ชูจันทร์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยางพารากลายเป็นพืชยอดฮิตสำหรับจังหวัดเพชรบูรณ์ไปแล้ว เพราะหลังมีเกษตรกรรุ่นบุกเบิกนำมาปลูกเมื่อหลายปีก่อนและได้ผลดี ก็มีเกษตรกรที่เคยปลูกพืชอื่นและผู้ที่ประกอบอาชีพอื่นหันมาปลูกสร้างสวนยางกันมากขึ้น เห็นได้จากการทำสวนยางขยายไปทุกอำเภอตั้งแต่ อ.เมือง อ.หล่มสัก อ.หล่มเก่า อ.หนองไผ่ ฯลฯ เนื่องจากสภาพพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ มีลักษณะเป็นที่สูงและภูเขาเหมาะสมในการทำสวนยาง ทำให้ขณะนี้การซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินที่มีเอกสารสิทธิมีเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่ราคาที่ดินก็ปรับสูงขึ้นด้วย คิดว่าจังหวัดอื่น ๆ ในภาคเหนือและอีสานก็น่าจะมีกระแสตื่นตัวเรื่องการปลูกยาง ไม่แตกต่างกัน
สอดคล้องกับข้อมูลที่นายวุฒิสิทธิ์ จันทสูตร เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงราย ระบุว่าซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินใน จ.เชียงราย มีแนวโน้มสูงขึ้นเช่นเดียวกัน จากการเข้ามากว้านซื้อที่ดินเพื่อใช้ปลูกยางพาราของนักธุรกิจนักลงทุนจากภาคใต้ และจังหวัดอื่น ๆ ในจำนวนนี้มีทั้งที่ซื้อที่ดินขนาด 100-200 ไร่ และรายใหญ่ที่ซื้อที่ดินนับพันไร่ สำหรับพื้นที่ที่ปลูกยางกันมากมี อ.เชียงของ อ.เทิง อ.แม่จัน เป็นต้น โดยส่วนใหญ่เน้นซื้อที่ดินมีเอกสารสิทธิ เพื่อเลี่ยงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต


บุรีรัมย์ที่ดินพุ่ง 5 เท่าตัว


นายรุธร ณ พัทลุง ผู้อำนวยการ สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า จ.บุรีรัมย์ มีพื้นที่ปลูกยางพารา 178,331 ไร่ มีเนื้อที่เปิดกรีดเป็นอันดับสองรองจาก จ.หนองคาย ตอนนี้คนตื่นตัวหันมาปลูกยางเยอะมากจนไม่มีที่ดินจะปลูกแล้ว และที่ดินราคาแพงขึ้นมาก ปี 2554 นี้คาดว่าจะมีพื้นที่สวนยางปลูกใหม่เพิ่มขึ้นอีก 20%
เจ้าของสวนยางใน อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า กระแสการปลูกยางบูมทำให้ราคาที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาราคาปรับขึ้นหลายเท่าตัว ปัจจุบันราคาที่ดินเปล่าที่ปลูกยางได้เริ่มต้นที่ไร่ละ 50,000บาทขึ้นไป จากเดิม 10,000บาท ส่วนที่ดินที่มีการปลูกยางอายุประมาณ 2ปี ไร่ละ 80,000-100,000บาทขึ้นไป


ขายสวนเก่า หาซื้อที่ปลูกใหม่


สำหรับสวนยางที่มีอายุ 6 ปีหรือเป็นยางที่สมบูรณ์ (ยางตายน้อย) และพร้อมเปิดกรีดราคาขยับขึ้นไปที่ไร่ละ 150,000 บาทขึ้นไป หากเป็นที่ดินที่สามารถปลูกบ้านและทำสวนยางได้ด้วยราคาสูงถึงไร่ละ 1 ล้านบาท"หลังจากยางราคาดีก็มีการซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินกันมาก บางรายใช้วิธีเงินต่อเงิน ขายสวนยางที่บุรีรัมย์ได้หลายล้านบาทแล้วย้ายถิ่นไปหาซื้อที่ดินใหม่ในจังหวัดที่เริ่มปลูกยาง เช่น นครพนม มุกดาหาร เพราะราคาที่ดินถูกกว่า และตอนนี้ชาวภาคใต้อพยพกันมาเป็นครอบครัวและถือเงินสดขึ้นมาซื้อที่ดิน หรือมาลงทุนทำกล้ายางขายในภาคอีสานกันเป็นจำนวนมาก"


ใต้ไร่ละ 4 แสนหาซื้อไม่ได้


นายเพิก เลิศวางพงศ์ ประธานชุมนุมสหกรณ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย จำกัด (ชสยท.)เปิดเผยว่า ในส่วนของภาคใต้ราคาซื้อขายสวนยางพาราในภาคใต้ขยับขึ้นต่อเนื่อง เช่น จากปี 2552ราคา 80,000-100,000 บาท/ไร่ ขณะนี้เริ่มต้นที่ 200,000 บาท/ไร่แล้ว และการขึ้นไปซื้อที่ดินราคาถูกในภาคอีสานและภาคเหนือเพื่อปลูกยางนั้น ตอนนี้ไม่มีที่ดินราคาถูกแล้ว ขณะที่นายสนิท ภิวัฒนกุล เจ้าของสวนยางพาราใน อ.ตะโหมด จ.พัทลุง กล่าวว่า ปี 2553 ที่ผ่านมา ราคาซื้อขายสวนยางพาราอยู่ที่ 220,000 บาท/ไร่ แต่ปี 2554 น่าจะขยับมาขึ้นไปที่ 300,000-400,000 บาท/ไร่ อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านก็ไม่ค่อยมีใครอยากขาย เพราะเมื่อขายไปแล้วไม่สามารถจะหาซื้อได้อีก
ด้านนายสุนันท์ นวลพรหมสกุล เจ้าหน้าที่วิเคราะห์นโยบายและแผน 7สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง จ.สงขลา เขต 1 กล่าวว่า จากการรวบรวมศึกษาวิเคราะห์ราคาสวนยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ขณะนี้พบว่าราคาสวนยางก่อนกรีด 1ปี โดยเฉลี่ยในทำเลติดถนน หรือที่สามารถกรีดยางได้แล้วราคาขายอย่างต่ำอยู่ที่ไร่ละ 250,000 บาท ถ้าไม่ติดถนนไร่ละ 200,000 บาท


"ซื้อ-ขาย" ผ่าน "ออนไลน์"


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากที่ปัจจุบันการปลูกยางพาราได้รับความนิยมจากทั้งกลุ่มธุรกิจ กลุ่มทุน นักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางที่มีการศึกษาในระดับ ที่สูง และเป็นกลุ่มที่คุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และสื่อใหม่ ๆ ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว คนกลุ่มนี้จึงเลือกใช้วิธีติดต่อสื่อสารในการประกาศซื้อขาย หรือติดตามข้อมูลข่าวสาร และสถานการณ์เกี่ยวกับยางพาราโดยผ่านทางสื่ออินเทอร์เน็ต เนื่องจากสะดวกสบาย รวดเร็ว ประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่าย และสามารถสื่อถึงกันได้ในวงกว้าง ส่งผลให้เวลานี้ข่าวสารความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับพืชชนิดนี้มีแพร่หลายและหาทั่วไปทางเว็บไซต์นับร้อยเว็บไซต์ กระจายอยู่หลายพื้นที่ทั้งในส่วนกลางและหลายจังหวัดในภูมิภาค อาทิhttp://www.sanook.com,www.pantip.com,www.plazathai.com,www.market.mthai.com/
,www.yangpara.com,www.thaionlinemarket.com,YasothonHomeland4sale.com ไม่เว้นแม่แต่โซเชียล มีเดียอย่าง Twitter และ Facebook อาทิ ขายที่ดินโฉนด 105ไร่ ในพื้นที่ อ.พิบูลฯ กับ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ติดลำแก่งใหญ่เป็นต้นน้ำมาจากภูเขาตลอดทั้งปี เหมาะสำหรับปลูกยางพารา ปาล์มน้ำมัน และพืชทุกชนิด ราคา 99,000 บาท/ไร่,ขายที่ดิน 200 ไร่ ปลูกยางพารากว่า 3,000 ต้น ราคาคุยกันได้,ขายที่ดินเหนือเขื่อนลำปะทาว อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ 300ไร่ มีน้ำตก น้ำซับไหลผ่าน ปลูกยางแล้ว 150 ไร่ อายุยาง 1 ปี 2 ปี และ 3 ปี,ขายที่ดินสำหรับปลูกยางพารา อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ 1,000 ไร่ ไร่ละ 10,000 บาท เป็นต้น

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

เพชรบูรณ์จัดวิวาห์เหนือเมฆ ท้า14 คู่รัก โดดร่มบินหน้าผาภูทับเบิก

จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมกับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ เตรียมจัดงาน “ภูทับเบิกวิวาห์เหนือเมฆ” โดยจะมีการจัดพิธีวิวาห์หมู่ ให้กับ 14คู่รักจากทั่วประเทศในวันที่ 14กุมภาพันธ์ 2554ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ จากการแถลงข่าวของนายกองเอกวิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และนายอัครเดช ทองใจสด นายกอบจ.เพชรบูรณ์ เกี่ยวกับการเตรียมจัดงาน “รักกันที่ภูทับเบิก”โดยใช้ชื่อกิจกรรมว่า MonthofLove“ภูทับเบิกวิวาห์เหนือเมฆ” โดยจะมีการจัดพิธีวิวาห์หมู่ ให้กับ 14คู่รักจากทั่วประเทศ ในวันที่ 14กุมภาพันธ์ 2554ซึ่งตรงกับวันวาเลนไทน์ ณ บริเวณลานกว้างบนยอดภูทับเบิก ตำบลวังบาล อำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลถึง 1,768เมตร โดยกิจกรรมดังกล่าว จัดขึ้นเพื่อต้องการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดเพชรบูรณ์ และประชาสัมพันธ์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่สวยงามของจังหวัดเพชรบูรณ์ โดยกิจกรรมจะเป็นการวิวาห์ของคู่รักจำนวนทั้งสิ้น 14คู่ด้วยกัน ซึ่งทั้งหมดจะต้องแต่งงานกันตามประเพณีของชาวเขาเผ่าม้ง และสวมชุดชาวเขาเผ่าม้ง เป็นชุดวิวาห์ โดยจะมีการอำนวยความสะดวกด้านการจดทะเบียนสมรสให้กับคู่เจ้าบ่าว-เจ้าสาว ที่ต้องการจะจดทะเบียนสมรส ภายในวันนั้น จากเจ้าพนักงานจดทะเบียนมงคลสมรสที่ว่าการอำเภอหล่มเก่า ไปร่วมในงานด้วย ขณะเดียวกันก็ได้มีกิจกรรมกระโดดร่มบินของนักโดดร่มบินจากทั่วประเทศ กว่า 50ร่มบิน เพื่อโชว์ความสวยงาม ตลอดจนกิจกรรมกระโดดร่มบิน ที่ท้าทายและวัดใจคู่สมรส ซึ่งถือเป็นอีก1กิจกรรมที่พิเศษ ที่คู่สมรสจะมีโอกาสได้ร่วมกันโดดร่มบินลงจากหน้าผาภูทับเบิกไปด้วยกัน โดยจะเป็นกิจกรรมภาคสมัครใจ ซึ่งก็จะเป็นภาพที่สร้างความประทับใจให้กับคู่บ่าว-สาว และนักท่องเที่ยวที่ไปร่วมงาน จนถึงขณะนี้มีผู้สนใจยื่นใบสมัคร แล้ว จำนวน 9คู่ ด้วยกัน โดยคู่รักท่านใดที่สนใจก็สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองแผนและงบประมาณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์โทร 0-5671-4364

วันจันทร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2554

ผู้ว่าฯ ท้าเที่ยวเขาค้อ “อากาศร้อนให้กิน-ดื่ม-นอนฟรี”

เจ้าเมืองมะขามหวานไอเดียเก๋ ดึงผู้ประกอบการการท่องเที่ยว-โรงแรมที่พักเขาค้อ ท้าพนันนักท่องเที่ยว  “ให้กิน-ดื่ม-นอนฟรี ตลอดปี 54” ถ้าคืนใดอุณหภูมิยามเที่ยงคืนสูงเกิน 26องศา มั่นใจดึงดูดนักท่องเที่ยวโต้ลมหนาว ปลุกจิตสำนึกคนภูเขารักป่าใส่ใจสิ่งแวดล้อม      
นายกองเอก วิลาศ รุจิวัฒนพงษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นเมืองในขุนเขาที่มีอากาศเย็นสดชื่นเหมาะแก่การท่องเที่ยวตลอดทั้งปี แต่ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวมักจะนิยมมาท่องเที่ยวจนแออัดยัดเยียดแย่งอากาศบริสุทธิ์และมานอนเขาค้อเพื่อกอดเมฆ ห่มหมอก ชมดาวเฉพาะหน้าหนาว หรือเรียกได้ว่าเป็นฤดูท่องเที่ยวเท่านั้น ดังนั้นในปี 2554นี้จึงได้ประกาศให้เป็นปีท่องเที่ยวของเพชรบูรณ์ โดยทางจังหวัดได้ประชุมตกลงร่วมกันกับผู้ประกอบการที่พัก โรงแรม รีสอร์ท แหล่งท่องเที่ยวกางเต็นท์นอนพักแรม ที่มีมากกว่า 100แห่ง ในพื้นที่ อ.เขาค้อ ว่า ในช่วงปกติของทุกวันตลอดปี 2554หากถึงเวลาเที่ยงคืนอุณหภูมิภายนอกห้องพักสูงเกิน 26 องศาเซลเซียส นักท่องเที่ยวสามารถกินฟรี ดื่มฟรี นอนฟรีแบบไม่มีเงื่อนไข ซึ่งทางราชการจะหาเทอร์โมมิเตอร์ที่ได้มาตรฐานสำหรับวัดอุณหภูมิพร้อมสัญลักษณ์การเข้าร่วม “โครงการนอนเขาค้อเพชรบูรณ์ ถ้าไม่หนาวให้นอนฟรี” ที่เริ่มต้นแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ซึ่งขณะนี้มีนักท่องเที่ยวนับพันคนรับคำท้า ถ้าไม่หนาวนอนฟรี แห่จองที่พักกันอย่างเนืองแน่น
      
  ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในกุศโลบาย ที่จะก่อให้เกิดจิตสำนึกของชาวเพชรบูรณ์-เขาค้อว่าจะต้องรักและหวงแหนธรรมชาติและผืนป่า เพราะสิ่งเหล่านี้จะสร้างความสมดุลทางธรรมชาติให้งดงาม ดึงดูดนักท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นและจังหวัด ทำให้ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งชาวบ้านรากหญ้า รวมถึงนักธุรกิจ กลุ่มแม่บ้าน วิสาหกิจชุมชนผู้ผลิตสินค้า OTOPอีกด้วย สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการร่วมกิจกรรมท้าทายนี้ต้องแจ้งสำรองที่พัก พร้อมจ่ายเงินมัดจำล่วงหน้าอย่างน้อย 2 สัปดาห์ และเจ้าของโรงแรม ที่พักต้องให้สิทธิ์นักท่องเที่ยวหรือผู้สนใจเข้าร่วมโครงการตามข้อตกลงร่วมกัน และให้สิทธิ์กับนักท่องเที่ยวทั้งที่จองเพียงห้องเดียวหรือเป็นกรุ๊ปทัวร์ ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้
      
 ทั้งนี้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ที่ทำการปกครองจังหวัดเพชรบูรณ์ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ ชั้น 3หมายเลขโทรศัพท์ 056-729758-60หรือติดต่อ สมาคมธุรกิจท่องเที่ยวอำเภอเขาค้อ หมายเลขโทรศัพท์ 056-728050
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ทัพนักกีฬาเพชรบูรณ์รับโอวาทลุย “เมืองเพชรเกมส์”

ทีมนักกีฬาจังหวัดเพชรบูรณ์เข้ารับโอวาท ก่อนแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งประเทศไทย ที่จังหวัดเพชรบุรี  รองผู้ว่าฯสมาน ย้ำชนะอย่างมีสปิริต เน้นความมีน้ำใจ

เมื่อวันที่ ๑๔ ม.ค.๕๔ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์ นายสมาน ปางวัชรากร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้กล่าวให้โอวาทแก่คณะทีมผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่ และนักกีฬาตัวแทนจังหวัดเพชรบูรณ์ ก่อนเดินทางไปแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ ๓๒ “เมืองเพชรเกมส์” ในระหว่างวันที่ ๑๙ –๒๘ มกราคม ๒๕๕๔ ณ จังหวัดเพชรบุรี โดยได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นเจ้าภาพการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ซึ่งจังหวัดเพชรบูรณ์รับได้สิทธิ์เป็นตัวแทนเขต ๖ เข้าร่วมการแข่งขัน โดยสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาได้ดำเนินการจัดส่งนักกีฬาเข้าชิงชัยทั้งสิ้น ๑๕ ชนิดกีฬาได้แก่ กรีฑา กอล์ฟคาราเต้โด เทเบิลเทนนิส เปตอง ฟุตซอล(ชาย)มวยไทยสมัครเล่น มวยสากลสมัครเล่น ยูโด ลีลาศ ว่ายน้ำ วูซู วุ๊ดบอล ฮอกกี้(ชาย)แฮนด์บอล(ชาย/หญิง) ซึ่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ได้กล่าวให้โอวาทและแสดงความยินดีแก่คณะทีมผู้ฝึกสอน เจ้าหน้าที่ และนักกีฬาตัวแทนจังหวัดเพชรบูรณ์ว่า การแข่งขันกีฬาในครั้งนี้นับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีในการที่จะพัฒนาศักยภาพและขีดความสามารถด้านกีฬาของนักเรียน นักศึกษาในจังหวัดให้มีความก้าวหน้าสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้นต่อไป ตลอดจนเป็นโอกาสที่ดีในการเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนักเรียนนักศึกษาของจังหวัดต่างๆที่มาเข้าร่วมการแข่งขัน และขอให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ยึดมั่นในกฎกติกา เคารพการตัดสินของผู้ตัดสินในสนาม รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย และมีสปิริตของนักกีฬา เพื่อความเป็นนักกีฬาที่แท้จริง

โดย สำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.เพชรบูรณ์